ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนน่ะครับ ว่าพาร์ท 1 ชิ้น = แม่พิมพ์ 1 ลูก กับเครื่องฉีดพลาสติก 1 ตัว
ถ้าต้องการจะทำพาร์ทแบบเป็นชิ้นๆ แบบ Lego จริงๆ จำเป็นต้องใช้แม่พิมพ์แบบซ้ำกันมากๆ อ่ะครับ ซึ่งตระกูลกันดั้มไม่น่าจะคุ้มทุน
หลักการของการฉีดพลาสติก ยังไงก็ต้องมี ก้านพลาสติก (ลันเนอร์) ติดมาด้วยเสมอแหล่ะครับ สุดท้ายก็ต้องใช้คนตัด หรือไม่ก็ต้องสร้างเครื่องตัดแกนพลาสติกอัตโนมัติขึ้นมา ซึ่งการดีไซนน์เครื่องนี่้ต้องบอกว่า ต้องดีไซนน์ไปเป็นแบบตัวต่อตัวครับ สมมุติแม่พิมพ์ลูกแรกฉีดขา ลูกสองฉีดแขน การจะดีดลันเนอร์หรือใช่้เครื่องตัดมาทำก็ต้องออกแบบเฉพาะแจะจงไปเลย ซึ่งถ้าจะทำคุ้มทุนก็ต้องแบบ Lego แหล่ะครับ ลงทุนครั้งเดียวใช้กันโลกลืม
แล้วถ้าจะทำแบบนั้น ก็ต้องมี 1 ชิ้น ต่อ 1 แม่พิมพ์ และต่อ 1 เครื่องฉีดพลาสติก ไม่งั้นจะต้องลงทุนสูงมากๆ และใหนจะเรื่องการขนส่งอีก ถ้าชิ้นส่วนทุกชิ้นติดอยู่ด้วยกัน การขนส่งจะง่ายเพราะไม่ต้องทำซับพอร์ทอะไรมาก แต่ถ้าเป้นชิ้นๆ ต้องมีตัวรับมาคอยล็อคเอาใว้เสมอเพื่อกันแรงกระแทก ไม่งั้นก็ต้องห่อมาเป็นถุงซีล ชิ้นต่อชิ้น แบบพวกเรซิ่น หรือทำ Pad เฉพาะ ซึ่งถ้าทำ Pad กันกระแทกก็เป้นของโมเดลใครโมเดลมันอีก เพราะโมเดลแต่ละตัวชิ้นส่วนรูปร่างไม่เหมือนกัน และใช้แรงงานคนเป็นหลัก เพราะการแพ็คขั้นตอนค่อนข้างจะยุ่งยาก ไม่น่าจะเหมาะกับงาน Mass มากๆ
ซึ่งสนรุปเบ็ดเสร็จ ถ้าจะทำแบบตัดแกนมาให้เลย (ซึ่งยังไงตามหลักการฉีดพลาสติก ยังไงก็ต้องมี แต่ตัดมาให้เลย) จะต้องลงทุนค่าแม่พิมพ์สูงมาก นอกจากนั้นยังจะต้องลงทุนค่าเครื่องจักรมหาศาล (1 ชิ้น 1 เครื่องฉีด 1 แม่พิมพ์) ค่าแพ็คของ (ต้องใช้แรงงานคนล้วนๆ) ค่า QC (โอกาศชิ้นส่วนหายสูงมาก และการเช็คที่ดูไวที่สุดคือการชั่นน้ำหนัก แต่พวกชิ้นเล็กมากๆก็มีโอกาศหายอยู่ แต่ถ้าไม่มี QC เลยนี่พังแน่ๆ)
ซึ่งถ้าไม่ทำแบบแมพิมพ์เดียวใช้กันโลกลืม หรือใช้ซ้ำกันแทบทั้งหล่องแบบ Lego ยังไงก็ยากล่ะครับ
ถ้าเอากันตรงๆแค่ค่าแม่พิมพ์กับเครื่องฉีดก็ลงทุนสูงมากแล้ว ซึ่งตระกูลกันดั้มเป้นอะไรที่เปลี่ยนแม่พิมพ์ไปเรื่อยๆ ไม่่าจะคุ้มนักถ้าจะลงทุนค่าแม่พิมพ์สูงมากเกินตัว และยอดขายก็ไม่น่าจะถึงเป้าที่จะบรรลุถึงค่าแม่พิมพ์
ส่วนของ Lego นี่ คิดว่าคงฉีดรันเครื่องแบบต่อเนื่อง แม่พิมพ์ไม่กี่ตัวแต่รันเครื่องยาวแบบเป็นปืนกล เพราะใช้ซ้ำกับแทบทั้งกล่อง
[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=eUthHS3MTdA[/youtube]