[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=Bki0PjoV14M[/youtube]
* คำเตือน
- บางส่วน ใช้การคาดคะเน เพราะเนื้อเรื่องบางส่วนทีมงานผู้ทำเกมส์บอกเองว่าให้ไปคิดกันเอาเอง แต่ใบ้ใว้ให้แล้วนะ
- บางส่วนอาจมีการผิดพลาด และเนื้อหาอาจเปลี่ยนไปได้ หากมี DLC ขยายความตามมาในอนาคต ใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยเนื้อเรื่องย่อ
เหตุเกิดที่เมือง Yharnam เมื่อกลุ่มนักวิจัย Byrgenwerth ได้ทำการสึกษาสุสานโบราณ Chalice dungeon ที่อยู่ใต้ดินในเมือง Yharnam
ที่ข้างใต้ของ Chalice Dungeon คือเมืองโบราณของพวก pthumerian ชนเผ่าโบราณที่มีชีวิตมา่กอนหน้าคนธรรมดา
โดยชนเผ่า pthumerian นี้ เป็นเผ่าที่ทรงปัญญาเนื่องจากได้ทำการติดต่อดับสิ่งมีชีวิตกึ่งพระเจ้า The Great one โดยได้รับเลือดจาก Great one เอามาผสมกับเผ่าตนเอง ทำให้ชาว pthumerian มีพลังชีวิตที่สูง
แต่เมื่อการเวลาผ่านไป เผ่า pthumerian นี้ได้ล่มสลายไปเอง เหลือเพียงซากอารยธรรมที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน จนกระทั่งกลุ่ม Byrgenwerth ได้มาทำการสำรวจ
ซึ่งที่ใต้สุด ที่ใต้สุสาน Chalice Dungeon ก็ได้พบกับเลือดของ The Great one
ในการต่อมา หลังการวิจัยพบว่า เลือดของ Great one นี้ มีสรรพคุณเป็นยา สามารถรักษาโรคต่างๆได้ ซ้ำยังทำให้คนที่ใช้มีสติปัญญาและร่างกายที่แข็งแรงขึ้นด้วยรวมถึงคนที่ใช้จะได้เศษเสี้ยวสติปัญญาของ Great one (Mad man's knowledge)
กลุ่ม Head หลัก นักวิจับได้แก่ willem และ laurence แต่ทั้งคู่ก็ต้องแยกเส่นทางกัน เพราะ Williem ซึ่งเป็นอาจารย์ของกลุ่มวิจัย Byrgenwerth นี้ต้องการติดต่อกับ Great one สิ่งมีชีวิตดุจพระเจ้า ที่คาดว่ามาจากต่างมิติ (คนที่ใช้เลือด Great one จะได้สติปัญญาของ Great one มาด้วย) ส่วน laurence ผู้เป็นศิษย์เอกของ Willem นั้นต้องการนำความรู้ที่ได้มารักษาผู้คน (ภาพหลอนตอนสำรวจกระโหลกในวิหารใหญ่)
laurence จึงตั้งกลุ่ม Healing church ช่วยเหลือผู้คน โดยการนำความรู้เรื่องเลือดของ Great one ที่ได้มาทำเป็นยารักษาผู้คน ในขณะที่ Willem ก็ยังพยายามติดต่อกับ Great one ต่อ โดยการทดลองต่างๆ
ด้วยการรักษาด้วยเลือด ทำให้เมือง Yharnam มีวิทยาการและความเจริญของเมืองเป็นไปอย่างก้าวกระโดด
โดยกลุ่ม Healing church จะมีกลุ่ม Leader อีกกลุ่มนึง คือ The Choir โดยเป็นผู้บริหารเบื้องสูง และมีความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับที่มาของเลือด วิทยาการ และ Great one
ในอีกด้านนึง กลุ่ม Byrgenwerth ได้มีการทดลองแต่ผิดพลาด ทำให้ Healing church ใช้อำนาจปิดกลุ่ม Byrgenwerth ไป ส่วนผู้คนบางส่วนนั้นได้เข้ามาอยู่กับกลุ่ม Healing church หรือ Schoolof Mensis เพื่อทำการศึกษาต่อ ปล่อย Willem ค้างในในป่าอย่างนั้น (สาเหตุที่ปิด คิดได้หลายแง่ หนึ่งคือโรคงูสิงร่างคนที่ระบาดในป่า สองคือ เอา Rom The Vacuous spider ไปขังใน Byrgenwerth เพื่อปกปิดการทดลอง ซึ่งสาเหตุหลักจริงๆไม่ทราบแน่ชัด)
หลังการวิจัยไปซักพักได้เกิดกลุ่มกบฏขึ้นที่ปราสาธ Cainhurst โดยกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า Vileblood ที่ศึกษาเรื่องเลือดที่ทำให้คนเป็นอมตะ ได้ทำการปฏิปักกับ Healing church
จน Healing church ต้องส่งกลุ่ม Executioner ออกมากวาดล้างกลุ่ม Vileblood ซึ่งนำขบวนโดย Logarius
สุดท้าย กลุ่ม Vileblood ถูกฆ่าทิ้งหมด เหลือเพียง Annalise, Queen of the Vilebloods ซึ่งหล่อนเป็นอมตะไม่แก่ไม่ตาย
สุดท้าย Logarius เลยใช้ตัวเองเป็นโล่มนุษย์ ทำการปิดผนึกกลุ่ม Vileblood ไว้ และทำตัวตนให้กลายเป็น Bot เฝ้าปราสาธ (เพราะฆ่าไปยังไงก็ไม่ตาย ได้แค่ขัง)
กลับมาที่ Healing church กับ The Choir ที่เริ่มการทดลองบ้าง ซึ่งมีทั้งพยายามเรียกสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกด้วยวิธีการต่างๆ จนสุดท้ายไปพบ Ebrietas, Daughter of the Cosmos
กลุ่มหัวเรือหลัก The Choir ได้ติดต่อกับ Ebrietas ได้วิทยาการมาส่วนนึง (อาวุธ Arcaneต่างๆหลายๆอันมีที่มาจาก Ebrietas) ภายหลัง The Choir ต้องการติดต่อกับ Great one อื่นๆที่อยู่นอกโลก เลยพยายามสร้าง Great one ขึ้นมาเอง (Celestial Emissary)
กาลเวลาผ่านไป เลือดที่ใช้อยู่นั้นเกิดการผิดเพี้ยน (เลือดเป็นของ Great one , การเรียก Great one ทำให้เลือดมีผลเปลี่ยนไป ? อันนี้แล้วแต่จะเดา) ทำให้คนเริ่มมีอาการผิดปรกติ สติฟั่นเฟือน และสุดท้ายคือขาดสติ กลายร่างเป็น Beast
สุดท้าย Healing church จึงจัดตั้งกลุ่ม "Hunter" ขึ้นมาเพื่อไล่ล่าเหล่ามนุษย์กลายพันธ์เหล่านี้ นำทีมโดย Gehrman เพื่อนของ laurence
โดย Gehrman ได้สร้างรากฐานของ Hunter ขึ้นมา โดยใช้อาวุธเปลี่ยนรูปร่างได้
โดย Hunter ก็มีหลายฝั่ง เช่น Hunter สังกัด Healing church จะใส่ชุดดำ (แบบฟาเธอแกสคอย) The Choir จะใส่ชุดขาว
ซึ่งเวลาเริ่มผ่านไป จนกระทั่งกลุ่มนักวิจัย Mensis ได้ค้นพบวิธีติดต่อกับ Great one ได้ นั่นคือผ่านความฝัน (ซึ่งว่ากันว่ากลุ่ม Mensis นี้ก็มาจาก Byrgenwerth น่ะแหล่ะ เพราะชุดยูนิฟอร์มเหมือนกันมาก และ Micolash รู้จัก Willem)
จนสุดท้ายกลุ่ม Mensis ได้ปิดเมืองส่วนนึงใว้ เพื่อปกปิดการทดลองของตนเอง และลักพาตัวมนุษย์เป็นๆมาเพื่อการวิจัย จึงปิดเมืองบางส่วนออกมาเป็น Yahar’gul Unseen Village และเริ่มพิธีอัญเชิญ / สร้าง Great one ในแบบของตนเอง
เวลาผ่านไป คนก็ยิ่งกลายเป้น Beast มากขึ้น ผลคือเมือง Old Yharnam ได้กลายเป็น Beast ทั้งหมด รวมถึง Central Yharnam ก็เริ่มไม่สามารถต้านอยู่ จนสุดท้าย Healing church ต้องปิดกำแพงกั้นไม่ให้ผู้คนเข้ามาสู่แกนกลางของ Healing church ได้ เพื่อป้องกันวิหารใหญ่สุดของ Healing church (ฆ่า Cleric beast ได้แต่ก็ไปยังวิหารใหญ่ไม่ไๆด้เพราะกำแพงโดนปิดตาย จนต้องมุดไปตามทางระบายน้ำผ่านสุสานไปยังโบถแทน)
เวลาผ่านไป เหล่า Hunter ส่วนใหญ่ถ้าไม่ตาย ก็กลายเป็นBeastเสียเอง เนื่องจากสูบเลือดเพื่อเพิ่มพลังตนเองมามาก จนสุดท้ายโดนเลือดที่ตนเองใช้ดูดกลืนไปซะเอง หรือบางคนที่รู้ความจริงว่าความเลวร้ายทั้งหมดเกิดจาก Healing church ก็มาเป็นปฏิปักกับกลุ่ม Healing church ซะเอง (เช่น ดูจา กับไอรีน)
ส่วนทางด้าน Gehrman ได้พยายามหยุดความวิบัติโดยการไปสู้กับ Great one Moon presence ผ่านความฝัน (อย่างที่บอกว่าคนเราติดต่อกับ Great one ได้ผ่านความฝัน แต่ความฝันในที่นี้คืออีกมิตินึงเลยจริงๆที่มีตัวตน หรือกล่าวก็คือเป็นอีกมิติที่แยกมาเป็นตัวกลางระหว่างคนกับ Great one ให้สามารถจ๊ะเอ๋กันได้ จากที่สิ่งมีชีวิตทั้งสองนี้จะอยู่คนละมิติกัน) ซึ่งก็ว่ากันว่าสาเหตุของ Beast นี่ก็มาจากพระจันทร์แดงนี่แหล่ะ
แต่สุดท้าย Gehrman ไม่สามารถสู้ได้ เพราะที่มาของพลัง Hunter ก็มาจาก Great one ซึ่ง Moon presence มีความสามารถในการควบคุมเลือด (เพราะเลือดที่เอามาใช้ก็เป็นเลือด Great one) Gehrman เลยตกเป็นเบี้ย ค้างอยู่ในความฝันที่เรียกว่า Hunter Dream ไม่สามารถออกไปยังโลกจริงได้
สิ่งที่ Gehrman จะสามารถทำได้คือติดต่อกับเหล่าผู้คนที่กลายเป็น Hunter ผ่านเลือด เพื่อเรียกตัวสู่ Hunter's Dream เพื่อใช้งาน Workshop ซื้อของ และใช้ Blood Echoes ที่ได้มาเสริมพลัง Hunter เพื่อหล่อเลี้ยง Hunter ยุคใหม่นี้ออกไปสู้กับเหล่า Beast ที่เดินเพ่นพ่านเต็มเมือง Yharnam นี้
ตัวเอกของเรื่อง นั่นก็คือผู้เล่น ได้มายังเมือง Yharnam ด้วยเหตุบางประการ และได้รับการถ่ายเลือด โดยหลังการถ่ายเลือดได้มีมโนภาพของสัตว์ร้ายที่คลืบคลานมาหา แต่สุดท้ายก็โดยเปลวไฟเผาใหม้จนวอดวายจนสิ้น นั่นคือตัวเราหลังการถ่ายเลือด ได้กลายเป็นนักล่า Hunter เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (ถ้าไม่ผ่าน จะโดนบีสต์กิน กลายเป็นบีสต์ซะเอง) ซึ่งวันที่เรามานั้นคือวันแห่งการล่า พระจันทร์เต็มดวง เหล่าผู้คนกลายเป้น Beast คนที่ยังมีสติต้องหลบอยู่ในบ้านเพื่อหวังว่าค่ำคืนนรกนี้จัผ่านไปด้วยดี ส่วนตามเมืองท้องถนนเหล่าผู้คนได้ถูกแทนที่ด้วย Beast
ซึ่งสาเหตุที่เรามายังเมืองนี้ คุยกับ Doll แล้วน่าจะเพราะเราไม่สบาย เพราะ Doll จะบอกว่าเราเลือดอ่อนแอ เป็นใบ้กลายๆว่าเรามาถ่ายเลือดเพื่อหาทางรักษา หน้าที่เราคือหา Paleblood เพื่อจบการล่า
ซึ่ง Pale blood นี้ถ้าเอาอ่านโน๊ตตามเรื่อง มันก็คือ Moon presence นั่นเอง
ว่ากันที่สถานที่แรก นั่นก็คือ Hunter's Dream
Gehrmen, the first Hunter
เป็นบุคคลแรกๆที่วางรากฐานของ hunter ในการล่า Beast
ซึ่งในท้ายที่สุด ลุงแกรุ้ว่าต้นเหตุของการกลายเป็น Beast นั้นเกิดจาก Great one ตัวนึงที่ชื่อว่า Moon presence
การที่ Great one ตัวนี้จุติลงมา จะทำให้ช่องว่างระหว่างคนกับบีสต์แคบลง ทำให้ผู้คนกลายเป็นบีสต์ง่ายขึ้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ในอดีต เมือง Loran นั้นก็เคยเจอเหตุการณ์นี้เช่นนี้มาก่อน ทำให้เมืองทั้งเมือง ผู้คนกลายเป็นบีสต์
มาปัจจุบัน ผู้คนในเมืองยาคนัม ได้พยายามอัญเชิญ Great one มา แต่ออกมาเป็น Moon presence เลยอิ๊บอายกันทั้งเมือง ส่วนลุงแกพยายามไปสู้กับ Moon presence แต่สู้ไม่ได้ เพราะเป็นแค่มนุษย์ เลยโดนจับมาทำ Host สร้างโลกแห่งความฝันขึ้นมา เพื่อสร้าง Hunter รุ่นใหม่ๆออกมาล่า Beast
โดย Moon presence นั้น ต้องการมีตัวตนจริงๆในโลกของมนุษย์ (Great one กับคน ส่วนมากอยู่กันคนละมิติ) และเหล่า Hunter เก่งขึ้นโดยการได้รับเลือดของ Great one
แต่ท้ายที่สุดแล้ว Hunter ที่สูบเลือดมากๆ จะโดนเลือดกลืนกิน ไม่บ้าคลั่งการเป็น Beast ก็โดน Great one ควบคุม ซึ่ง"คาดว่า" ที่ Moon presence ต้องการคือให้เราไปฆ่า Great one ตัวอื่นๆให้หมดแล้วมาสิงร่างเราแทน
Plain doll
Doll พูดได้ มีหน้าที่ใช้ Blood echoes ที่เราเก็บได้มาเสริมพลังให้กับเรา
ในโลกแห่งความเป็นจริง จะมีตุ๊กตาตัวจริงอยู่ที่เวอร์คช็อบในวิหารของ Cleric Church ด้วย
ในเรื่องไม่ได้บอกที่มาที่ไปอะไรมาก แต่มีของดูต่างหน้าทิ้งเอาใว้ที่เวอร์คช็อบเก่าในโลกของความเป็นจริง ทำให้พอจะเดาได้ว่า ในโลกจริงอาจจะเป็นคนสำคัญของลุงGehrmen แต่เสียไปเลยทำตุ๊กตาใว้ดูต่างหน้า
พอลุง Gehrmen กลายเป็น Host ของความฝัน Doll เลยเคลื่อนใหวได้
ป้ายหลุมศพใน Hunter dream
อันที่จริง การที่เราไม่มีวันตายนั้น เนื่องจากตัวเรานั้น ลิงค์เข้ากับ Hunter's dream
ตามปรกติเกมส์ตระกุล Souls นั้นตัวเรานั้นที่กลับมาเกิดใหม่ได้ทุกครั้งที่ตาย จะมีเหตุผลเสมอ
อย่าง Demon's souls คือมิติเวลาผิดเพี้ยน ส่วน Dark souls นั้นเป็นเพราะเราเป็นพวกไม่มีวันตาย
ใน Bloorborne นั้น เอาตามที่เข้าใจนะ คือ ตัวเรานั้นคือ "ความฝัน"
ความฝันนั้น ตามท้องเรื่องมันคืออีกหนึ่ง Realiry หรือโลกคู่ขนาด (อ้างอิงจากนิยาย Dream's Cycle ของ Love craft , อนึ่ง เนื้อหาของเกมส์นี้หลายอันอิงนิยายของ Love craft ค่อนข้างมาก เช่น Cthulu) ซึ่งเราคือความฝันที่สามารถมายังโลกแห่งความเป็นจริงได้
ตราบที่ Hunter ยังเชื่อมต่อกับ Hunter's dream ได้ ทุกคนจะกลับมาที่จุดเซบได้ทุกครั้งเหมือเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน ส่วนคนที่เลือดพร่องไปแล้ว จะตายแล้วตายเลย
เมสเซนเจอร์แห่งความฝัน ทำหน้าที่ขายของให้เรา ส่งข้อความจากผู้เล่นในโลกต่างๆหากัน
Work shop
บ้านของเหล่า Hunter ใช้ทำจิปาถะ ทั้งตีอาวุธเก็บของติดรูน
เมืองยาคนัม ในโลกแห่งจริง
เวลาของเรื่องเป็นไปตามเกมส์
เริ่มมาตอนเย็น เล่นไปซักพัก ปราบบอสบางตัวจะเริ่มเย็น ดึก พระจันทร์เต็มดวง ตามลำดับ
สภาพบ้านเมือง เหล่าผู้คนที่กลายเป็นบีสต์ ออกมาเดินตามถนน บางคนกลายเป้นบีสต์เต็มตัว
บรรยากาศในเมือง ตามศิลปะยุควิคตอเรีย
ตัวเรานั้น ต้องการไปยัง วิหารหลักของ Healing church
แต่ตัวสะพานเมืองหลักนั้น ถูกปิดตายไปเรียบร้อยแล้ว ไม่สามารถเข้าไปยังวิหารกลางได้
สะพานหลักของเมือง พาตรงไปยังวิหารใหญ่ของ Healing church
ในอดีต ประตูตรงสะพานนั้น ถูกปกป้องด้วยเหล่า Hunter แต่ต่อมาสถานการณ์ไม่อาจควบคุมได้ แม้แต่ Hunter ยังกลายเป็นบีสต์ซะเอง ประตูทางหลักจึงโดนโบกปูนปิดตายอย่างที่เห็น
สุสาน Odeon ใช้ลัดเข้าไปยังวิหาร หลังประตูหลักโดนปิดไปแล้ว
เมือง Old Yharnam
ปัจจุบันทุกคนกลายเป็นบีสต์ไปหมดแล้ว สภาพบ้านเมืองเละไปหมด
ตึกสูงมาก แต่เข้าไปไม่ได้
ข้างใต้สุด จะเจอแท่นพิธี Chalice
กล่าวคือ สุสาน Chalice Dungeon ที่เจอเลือดต้นเหตุนั้นนั้นก็มาจากใต้เมืองนี้นี่แหล่ะ
วิหารใหญ่ของ Healing church ที่เราต้องมุดทางน้ำใต้ดินเข้ามา
ทางเดินในวิหาร
บนแท่น จะมีหัวกระโหลกของ laurence อยู่ เพื่อเอา Password ผ่านทางไปยัง Forbidden wood เพื่อเดินทางต่อไปยัง Byrgenwerth เพื่อสืบหาความจริง
โดยตัว laurence นั้น ถ้าดูจากกระโหลก จะพบว่าสุดท้ายตัวเขาเองก็กลายเป็น Beast ไปด้วยเช่นกัน ส่วนรอยผ่าตรงกระโหลก ปล่อยให้คิดกันเองว่าใครเป็นคนจัดการ
จากวิหารใหญ่ เราสามารถไปยัง Hemwick ได้
โดยที่เมืองนี้ เป็นที่อยู่ของ ****ดแห่ง Hemwick
โดยได้ทำการล่าลูกตา เพื่อประกอบพิธี Chalice เพื่อหาทางติดต่อกับ Great one
ศพผู้คนที่โดนจับมาเชือดเอาลูกตา
ฮันเตอร์ก็โดนจับ
พื้นที่ตรองนี้เป็น Option ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง แต่บรรยากาศดีน่าถ่ายรูปเล่น
Forbidden Wood
ทางผ่านไปยัง Byrgenwerth
ปัจจุบันที่แห่งนี้ได้ถูกปิดตายลง สาเหตุนั้นไม่ทราบแน่ชัด
อาจจะเป็นเพราะงู ที่สามารถยึดร่างคน หรือปิดทางไม่ให้คนธรรมดาไปยัง Byrgenwerth ได้
อีกสมมุติฐานคือ กันไม่ให้คนไปปราบ Rom
งูที่สามารถยึดร่างคนได้ อีกหนึ่งสมมุติฐานที่น่าสนใจ
มองเห็น Byrgenwerth ได้ในระยะไกลๆ
Byrgenwerth จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
เหล่าผู้คนที่กลายเป็นตัวประหลาด
บรรยากาศ
ห้องทดลอง เต็มไปด้วยลูกตา
สำหรับลูกตานั้น เป้นสัญลักษณ์ของ Insight
คนที่สัมผัสกับสิ่งมีชีวิตนองโลกพวกนี้นั้น จะทำให้เกิดอาการบ้าคลั่ง กล่าวคือ ความรู้ของพวก Great one นั้น มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถรองรับได้ ทำให้หลายคนสติแตก หรือบ้าคลั่งไปเลย
ตัวละครหลายคน ส่วนมากจะตาบอด ไม่ก็ปิดตากัน เพื่อลดประสาทบางอย่างลง เพื่อให้สมองเชื่อมต่อกับ Insight โดยตรง
แต่สุดท้าย มนุษย์ก็ไม่สามารถแบกรับสติปัญญาต่างดาวนี้ได้ นำมาซึ่งการพยายามพัฒนามนุษย์ไปอีกขั้นนึง
ซึ่งอย่าง Willems นั้น จะเอ๋อไปเลย เนื่องจากคลุกครีกับสติปัญญาต่างดาวนี้มากเกินไป
ซึ่งตัว Willems เองนั้นก็ไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว เพราะเลือดไม่ใช่สีแดงแล้ว
ส่วน Insight นั้นกล่างคือตัวแทนถึง ดวงตาที่ฝังอยู่ที่สมอง หรือความรู้ของพวก Great one ยิ่งมีมากๆ ยิ่งมีโอกาศเป็นบ้า เพราะตามท้องเรื่องกล่าวว่า สมองมนุษย์นั้นไม่สามารถแบกรับสติปัญญาของพวก Great one นี้ได้
ในเกมส์ ยิ่งมีค่านี้มาก ศัตรูจะเริ่มมีท่าใหม่ๆออกมาก่อกวนประสาทเรามากขึ้นเรื่อยๆ
Rom,The Vacuous Spider ที่อยู่ด้านในสุดของ Byrgenwerth
เจ้าตัว ทำหน้าที่ สร้างภาพลวงตา ไม่ให้คนมองเห็นพระจันทร์แดง
โดยอันที่จริง พวก Healling church และ School of mensis ได้ทำการทดลองอัญเชิญ Great one ลงมาที่โลก แต่พวกนั้นปรกติจะมองไม่เห็นเพราะโดนภาพลวงตาของ ROM ปกปิดเอาใว้หมด
ซึ่งหลัง ROM ตาย พระจันทร์จะกลายเป็นสีแดง
Yahar’gul Unseen Village
หลังปราบ ROM ได้แล้ว จะทำให้เราเห็นพวก Great one ตามเมืองได้แล้ว
และเปิดทางไปยังเมือง Yahar’gul Unseen Village ได้
โดยเมืองนี้นั้น โดนปกครองโดย School of mensis และได้ลักพาตัวผู้คนมาทดลองยังเมืองนี้แบบเงียบๆ
Amygdala ที่ตอนแรกเรามองไม่เห็น โผล่มาตามเมืองเต็มไปหมด
ผู้คนที่โดนจับไปแห้งตาคากรง
บรรยากาศ......
อาคารของกลุ่ม School of Mensis
หลังเข้าไป จะพบว่าทุกคนแห้งตายไปหมดแล้ว
อีกหนึ่งวิธีการในกานติดต่อกับ Great one นั่นคือผ่านความฝัน
ตัวบอสใหญ่ของ Mensis นั่นคือ Micolash ได้ใช้การสร้างความฝันเพื่อติดต่อกับ Mergo
โดยหลักการเมืองกับ Hunter's Dream กล่าวคือไปอยู่ในความฝัน โดย Micolash เป็นHost และ Mergo เป็น Great one ในการสร้าง
Losefka's Clinic
ในเกมส์จะมีเควส ให้เราพาคนไปยังที่ปลอดภัย
ถ้าเราพาคนมาที่ Losefka's Clinic ซึ่งจริงๆแล้ว Losefka ตัวจริงโดนพวก The Choir จับทดลองกลายเป็นเอเลี่ยนหัวฟ้าไปแล้ว
แล้วพวกผู้คนที่เราช่วยใว้ถ้าพามาที่นี่จะโดนจับทดลองหมด
Upper Cathedral
แหล่งบัญชาการใหญ่ของ Healing church ที่นำโดยกลุ่มที่ติดต่อกับ Great one โดยตรงที่ชื่อว่า The Choir
ในการจะเข้าไปนั้น ต้องปีนหอคอยขึ้นไป ตั้งอยู่สูงที่สุดของเมืองแล้ว
รพหว่างทางมีคนของ Healing church ออกมาต้อนรับเป็นระยะ
แต่ข้างในนั้น อิ๊บอายไปหมดแล้ว
ประตูสู่โรงเลี้ยงเด็กกำพร้า
แต่ข้างในเราจะรู้ความจริงว่า โรงเลี้ยงเด็ก จริงๆคือผู้คนโดนเอามาทดลองกลายเป็น Great one
หลังวิหารจะพบ Ebrietas, Daughter of the Cosmos
โดย Ebrietas นั้น เป็น Great one ที่ผูกค้นพบใน Chalice Dungeon และตอนหลังพามาทดลองที่ Healing church ทำให้เกิดกลุ่ม The Choir ขึ้น
ในภายหลัง จากความรู้ที่ได้มา ทำให้กลายเป็นอาวุธ Arcane ต่างๆ
กลุ่ม The Choir ต้องการขยายผล โดยพยายามสื่อสารกับพวกต่างดาว แต่ไม่ได้ผล ตอนหลังจับคนมาทดลองเพื่อสร้าง Great one ขึ้นมาเป็นตัวแทนเพื่อติดต่อสิ่งมีชีวิตต่างโลก แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
Altar Of Despair
ปราสาท CainHurst
อดีต เคยเป็นที่อยู่ของพวก Vileblood กลุ่มเลือดอมตะ ที่แตกออกมาจาก Healing church โดยใช้เลือดอมตะทำให้ไม่แก่ไม่ตาย แต่ต้องไปฆ่าคนมาทำฑิธี
สุดท้ายพวก Healing church ส่งหน่วย Executioner นำโดย Logarius ออกมากวาดล้าง
ปัจจุบัน ยังกับปราสาธผีสิง
ที่ข้างในสุด จะเจอ Annalise
โดยเนื่องจากเธอเป็นอมตะ Logarius เลยเอาหน้ากากเหล็กปิดเอาใว้ แล้วขังใว้ในปราสาธไม่ให้ใครเข้าออกได้
หลังชนะ Logarius แล้วสามารถยื่นใบสมัครเข้ากลุ่ม Vileblood ได้
Nightmare Frontier
เป็นออฟชั่นย่อย ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
แต่ดูจากภูมิประเทศ น่าจะเกี่ยวกับเมือง Loran เก่า
ซึ่งเป็นอีกเมืองนึง ที่ตอนหลังล่มสลายไป เนื่องจากโดนเชื้อ Beast เล่นงาน
ยิ้มสวยดีนะ
Lecture Building
เป็นภาพสะท้อนของ School of Mensis
ข้างในทำให้เราทราบว่า พวก Mensis นี้ จริงๆมีที่มาจาก Byrgenwerth เช่นกัน
Nightmare Frontier อีกทางนึง พาไปยังวิหารใหญ่ของพวก School of Mensis
ข้างใน..... นี่แค่ทางเข้านะ
Nightmare Frontier นี้ เป็นด่านสุดท้ายของเกมส์แล้ว
ด่านสุดท้ายเป็นคำจำกัดความที่ง่ายที่สุด
สุดท้ายเราจะไปเจอบอส Mergo, The Wet nurse ซึ่งเป็น Great one ที่พวก School of mensis อัญเชิญมา หลังปราบเสร็จ เป็นอันจบพิธี
Chalice Dungeon
เป็นอีกหนึ่งพิธีกรรม ที่ทำให้เราสามารถข้ามมิติมายังอดีตได้
ในอดีต พวก Byrgenwerth นั้นก็ค้นพบพิธี Chalice นี้จากสุสานใต้เมืองนั่นเอง
โดยสุดท้ายของพิธี Chalice จะสร้างทางเชื่อมไปยังโลกต่างมิติ โดยได้แก่
1. เมือง pthumerian ในอดีต ที่อยู่ใต้เมือง โดยด้านใต้จะพบ Queen Yharnam
ในด่านจะเป็นสุสานเมือง pthumerian ในอดีต ที่เคยพยายามติดต่อกับ Great one เช่นกัน
โดยเมืองของชนเผ่า pthumerian นี้ ในอดีตก็ทดลองเหมืองกับปัจจุบัน คืออัญเชิญ Great one มา และรวมถึงให้ Queen ตั้งครรณ์ลูกของ Great one แต่ไม่สำเร็จ ลูกตายไปก่อน จนเป็น Merco ที่พวก School of Mensis พยายามติดต่อผ่านความฝัน ส่วนเมืองด้านบนคงอิ๊บอายไปหมดจนไม่เหลือ เลยต้องหนีมาอยู่ใต้ดินกันหมด ซึ่งให้เดาก็น่าจะฟีมือของ Moon Presence นั่นแหล่ะ
นอกจากพิธี Chalice แล้วยังมี กระดิ่ง Beckoning bell ซึ่งเป็นกระดิ่งอัญเชิญสิ่งมีชีวิตต่างมิติมายังโลกของเรา
ในเกมส์เราจะใช้กระดิ่งนี้ในการเรียกคนจากโลกอื่นมาเล่น Multi player กัน
แต่ตามเนื้อเรื่อง จะถูกเอามาใช้อัญเชิญ Great one จากต่างมิติมายังโลกของเรา เช่น The one reborn หรือ Moon presence
2. Loran
อดีตเมืองในอดีต ที่โดนโรค Beast เล่นงาน จนคนทั้งเมืองกลายเป็น Beast และโดนผืนทะเลทรายกลืนกินลงไปจนหมด
อาจจะพอเดาๆได้ว่า เชื้อ Beast นี้เริ่มกระจายหลังพวก Healing church พยายามสำรวจเมืองนี้นี่แหล่ะ
น่าสนใจตรงประตูกับ Rune มากๆ เพราะสัญลักษณ์ต่างๆเมือนกันปัจจุบันมากๆ ไม่แน่ว่าในอดีตอาจจะมีพวก Hunter อยู่ด้วยก็ได้ แต่ก็รับมือไม่อยู่
Isz
Chalice ที่พวก Healing Church ค้นพบ Ebrietas, Daughter of the Cosmos และพามาวิจัย จนสุดท้ายกลายเป็นการทดลอง Great one เต็มสูบ ก่อตั้งกลุ่ม The Choir จับคนมาทดลอง อัญเชิญ Moon presence และที่เหลือก็ทำให้เมืองอิ๊บอายอย่างที่เห็น
ด้านในสุด เจอ Ebrietas อยู่จริงๆ แต่เป็นบอสนะ......
ฉากจบ มีให้เลือก 3 แบบ
หลังเราปราบพวก School of mensis ได้ Gehrmen จะมอบข้อเสนอให้เราตายในฝัน
กล่าวคือ ถ้าตายในฝัน จะเป็นการตัดขาดเราระหว่างตัวเรากับ Hunter's Dream และตัดขาดจากเลือดที่เคยถ่ายไป ตอนจบเราจะตื่นขึ้นมาตอนเช้าในเมืองหลังค่ำคืนแห่งการล่า
แต่ทว่า Moon presence ก็ยังอยู่ วันดีคืนดี ผู้คนเริ่มพิธีอัญชิญอีกรอบ ค่ำคืนแห่งการล่าก็กลับมาอีกครั้ง
แต่ถ้าเราปฏิเศษ Gehrmen จะคิดว่าเรากลายเป็นเหมือนพวก School of Mensis ต้องการพลังที่มากขึ้น หรืออะไรก็แล้วแต่ เขาจะปล่อยเราใว้ไม่ได้
อย่างที่บอกคือ ในตอนแรกนั้นเราใช้เลือด แต่สุดท้ายก็มีโอกาศที่เราจะโดนเลือดควบคุมแทน (ซึ่งในที่นี้เลือดที่เราใช้มันคือเลือดของ Great one) ถ้าปล่อยใว้ก็จะโดน Great one ควบคุม เพราะ Moon presence พยายามไปตั้งครรณ์กับคนธรรมดาแต่ก็ล้มเหลวหมด ทำให้หลังเราปราบ Gehrmen ได้ แต่สุดท้ายเราจะสู้กับ Moon presence ไม่ได้ (เพราะเราใช้เลือดมันอยู่ ขัดขืนไม่ได้) สุดท้าย Moon presence เลยจับเรามาทำหน้าที่แทน Gehrmen และรอค่ำคืนแห่งการล่าอีกรอบ
3. แต่ถ้าเราใช้ One Third of Umbilical Cord ครบ 3 อัน เราจะสามารถต้าน Moon presence
เหมือนโน็ตที่ทิ้งเอาใว่ใน Lecture Building ที่ใช้ Cord ของ Great one 3 อัน ทำให้เราก้าวข้ามขีดความเป้นมนุษย์ไปได้ และปราบตัวต้นเหตุ Moon presence ไปได้
ตอนจบ เราจะกลายเป็น Great one ไปและอาศัยอยู่ใน Hunter's Dream ปล่อยให้คนเล่นคิดกันไปเองว่าต่อจากนี้ไปจะเป็นยังไง จะมีคนอัญเชิญเรามายังโลกภายนอกใหม หรือเราจะกลายเป็น Moon presence Version 2.0 หรืออยู่ไปเรื่อยๆอย่างนั้น แล้วแต่คนจะคิด ปล่อยให้จิ้นกันไปเองตามประสาเกมส์ตระกุล Souls
Creditภาพสุดท้าย :
http://www.pixiv.net/member_illust.php?mode=medium&illust_id=49857266[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=voMAx-lKfIw[/youtube]
"Fear The Blood"
